52 ปี การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
- answernewsonline
- 19 มี.ค.
- ยาว 1 นาที
“การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” ฉลองความสำเร็จ 52 ปี ตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้งาน ปัจจุบันมี 8 เส้นทางที่เปิดให้บริการแล้ว และล่าสุดอีก 4 เส้นทางจะเปิดเพิ่มในปีนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร รองรับต่อการให้บริการกับประชาชน ควบคู่กับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม
นายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง) เป็นประธาน ในงานวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ครบรอบ 52 ปี พร้อมด้วย นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายกิตติพล รวยฟูพันธ์ รองโฆษกกระทรวงคมนาคม นายผดุงศักดิ์ สรุจิกำจรวัฒนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม พลโท พิเชษฐ คงศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กทพ. ร่วมในพิธี โดยมี นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้าง กทพ. ร่วมให้การต้อนรับ ณ หอประชุม 0101 ชั้น 1 อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ กทพ.
สำหรับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สังกัดกระทรวงคมนาคม จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2515 ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 และต่อมาได้มีการปรับปรุงกฎหมายโดยการประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2551 ปัจจุบัน กทพ. มีอำนาจหน้าที่กระทำกิจการภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ในสาระสำคัญ ได้แก่ การสร้างหรือจัดให้มีทางพิเศษด้วยวิธีใดๆ ตลอดจนบำรุงและรักษาทางพิเศษและดำเนินงานหรือธุรกิจเกี่ยวกับทางพิเศษและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับทางพิเศษหรือที่เป็นประโยชน์แก่ กทพ.
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กทพ. ได้มีความมุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายขยายเส้นทางเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร และช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ปลอดภัย ได้มาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม
รวมทั้ง การพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เพื่อให้บริการประชาชน อาทิ ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติด้วยบัตร Easy Pass, การเปิดบริการ Application EXAT Portal และล่าสุด เป็นการพัฒนาโครงการสะสมคะแนน “EXAT REWARD” เพื่อยกระดับการให้บริการบัตร Easy Passเพิ่มความคุ้มค่าให้กับประชาชนในการใช้ทางพิเศษอีกด้วย
ปัจจุบัน กทพ. ได้เปิดให้บริการทางพิเศษรวม 8 สายทางรวมระยะทาง 224.6 กิโลเมตร ประกอบด้วย ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถีทางพิเศษอุดรรัถยา ทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ ทางพิเศษกาญจนาภิเษก และทางพิเศษประจิมรัถยา และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ คือ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ที่จะเปิดให้บริการภายในปี 2568 และโครงการทางพิเศษสายฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา) ที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2568
นอกจากนี้ กทพ. มีแผนการขยายเส้นทางทางพิเศษไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ที่จะเปิดให้บริการภายในปี 2568 และโครงการทางพิเศษสายฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา) ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2568 รวมทั้งยังมีโครงการสำคัญในเขตเมืองที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ โครงการทางยกระดับชั้นที่ 2 (ช่วงงามวงศ์วาน – พระราม 9) โครงการทางพิเศษสายฉลองรัชวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก และโครงการทางพิเศษสายศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนการขยายเส้นทางทางพิเศษไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ โครงการทางพิเศษ จ.ภูเก็ต ระยะที่ 1(ช่วงกะทู้- ป่าตอง) และระยะที่ 2 (ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้) ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุยจ.สุราษฎร์ธานี และโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จ.ตราด
นอกจากภารกิจหลักแล้ว กทพ. ยังให้ความสำคัญกับเยาวชน โดยสนับสนุนทุนการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีส่วนร่วมในการส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนด้านกีฬาให้เกิดความยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล โดยให้การสนับสนุนสมาคมกีฬายิงเป้าบินและสมาคมกีฬาเทคบอลแห่งประเทศไทย ตลอดจนคำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนโดยที่ผ่านมาได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และดำเนินการต่างๆ เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งได้รับการรับรองโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก จากองค์การบริการการจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) อีกด้วย
ความคิดเห็น