“เอ็นดีซี อินดัสเทรียล” ปักหมุดระยอง เตรียมบุกตลาดอุตสาหกรรมอลูมิเนียมทั้งในและต่างประเทศ

“เอ็นดีซี อินดัสเทรียล” เปิดโรงงานแห่งใหม่ใน จ.ระยอง โชว์เทคโนโลยีเครื่องจักรอุตสาหกรรมอะลิมิเนียมที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย พร้อมเปิดแผนธุรกิจเร่งเสริมแกร่งองค์กรและบุคลากร รองรับการเดินหน้าทางธุรกิจอย่างเต็มตัวในช่วง Q3/68

Mr. Max Chang, Managing Director บริษัท เอ็นดีซี อินดัสเทรียล จำกัด (NDC Industrial Co., Ltd.) ผู้ผลิตขึ้นรูปอลูมิเนียมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ให้สัมภาษณ์พิเศษ ในโอกาสเปิดโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทยว่า สำนักงานใหญ่ของ NDC เริ่มก่อตั้งที่ไต้หวัน และมีโรงงานผลิตขนาดใหญ่ในประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การหล่ออลูมิเนียมด้วยการบีบอัด การหล่อแบบไดคาสติ้ง การหล่อด้วยแม่พิมพ์ และการหล่อโพลียูรีเทน ซึ่งใช้ในการผลิตชิ้นส่วนคุณภาพสูง และการอัดแผ่นไม้วีเนียร์ ดังนั้น เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต บริษัทจึงได้เริ่มขยายโรงงานเพื่อรองรับการผลิตสินค้าให้มากขึ้น ให้เพียงพอต่อความต้องการและการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุดในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลมะขามคู่ อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ภายในจะแบ่งการดำเนินการเป็น 3 เฟส ประกอบไปด้วย เฟสที่ 1 การผลิตสินค้าประเภทหล่ออลูมิเนียมแบบบีบ รองรับกับความต้องการของตลาดรถยนต์และจักรยานยนต์ เฟสที่ 2 เป็นส่วนการหล่อโพลียูรีเทน เช่น ล้อสเกตบอร์ดและล้อสำหรับโรลเลอร์เบลด และเฟสที่ 3 เป็นส่วนไลน์การผลิตการอัดแผ่นไม้วีเนียร์ เพื่อนำไปผลิตเป็นสเกตบอร์ด นอกจากนี้ บริษัทยังได้เล็งเห็นถึงช่องทางที่จะขยายไลน์การผลิตเพื่อรองรับกับกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย

ด้านวิสัยทัศน์ที่เลือกลงทุนก่อสร้างโรงงานในประเทศไทยมาจากวิสัยทัศน์ที่มองว่า ประเทศไทยมีเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ตลอดจน ลักษณะของคนไทยที่มีความเป็นมิตร บริษัทจึงได้เลือกที่จะมาลงทุนในประเทศไทย และมีเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรให้เติบโตร่วมกับคนไทยและคนในพื้นที่ สร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง และการร่วมมือกันในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายทางธุรกิจที่ได้ตั้งไว้

สำหรับจุดเด่นของโรงงานแห่งใหม่ ด้วยเทคโนโลยีเครื่องจักรที่นำเข้ามาติดตั้งในโรงงานถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย และบริษัทมีความมั่นใจว่า เป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ของไทยที่นำเทคโนโลยีการผลิตนี้มาใช้งาน เช่น "เทคโนโลยีการหล่อแบบบีบ" เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีเพียงไม่กี่โรงงานในประเทศไทยที่มีการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน และ "เทคโนโลยีการตีขึ้นรูปแบบหมุน" โดยเป็นเทคโนโลยีการตีขึ้นรูปขั้นสูง และเป็นหนึ่งเดียวในประเทศที่มีเครื่องจักรที่มีความสามารถในการตีขึ้นรูปแบบหมุน ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถผลิตผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ มีคุณสมบัติน้ำหนักเบา และมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ การก่อสร้าง และพลังงานหมุนเวียน

“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาติดตั้งและใช้งานในประเทศไทย จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจและส่งเสริมชุมชนในพื้นที่ รวมไปถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับการหล่อโพลียูรีเทนในระดับสากล อีกทั้ง เราเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกในโลกที่นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้ในประเทศไทย ด้วยความจำกัดทางด้านส่วนผสมในการหล่อโพลียูรีเทนที่ต้องมีสูตรและอัตราส่วนที่เหมาะสม และเทคโนโลยีการอัดแผ่นวีเนียร์ ซึ่งเราได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี จนสามารถผลิตได้อย่างดีเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ” Mr. Max Chang กล่าว

ด้านแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้มีการวางแผนในระยะสั้นที่จะทำองค์กรให้มีความเสถียรภาพ เนื่องจากเป็นโรงงานใหม่จึงต้องมีการสร้างทีมงานให้แข็งแกร่ง แล้วจึงเริ่มทำการตลาด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และเมื่อการดำเนินธุรกิจคงที่แล้วจึงจะเริ่มขยายธุรกิจและลงทุนเพิ่มเติมต่อไป อาทิ การซื้อที่ดินหรือสร้างโรงงานใหม่ การนำเข้าอุปกรณ์และเครื่องจักร และการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้งานมากขึ้น

ส่วนแผนธุรกิจในระยะกลาง บริษัทได้มองหาโอกาสที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการหล่ออลูมิเนียม การหล่อโพลียูรีเทน การอัดแผ่นวีเนียร์ การซื้อที่ดินเพื่อการขยายโรงงานเพิ่มขึ้น และการซื้อที่ดินเพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าทั่วโลกที่มีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย บริษัทก็สามารถที่จะช่วยเหลือและดำเนินการให้ได้และเมื่อบรรลุข้อตกลงก็สามารถที่จะเข้ามาทำธุรกิจและลงทุนร่วมกันด้วย

สำหรับแผนระยะยาวที่ได้มีการกำหนดไว้จะอยู่ในส่วนของการทำงานร่วมกันกับคนในพื้นที่ ชุมชนท้องถิ่น การเข้าไปช่วยเหลือโรงเรียน วัด และหน่วยงานต่างๆ ในท้องที่ ตลอดจนการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ อาทิ การรับบริจาคโลหิต การสนับสนุนการศึกษา เป็นต้น โดยบริษัทเชื่อว่าการคืนกำไรให้กับชุมชนเป็นสิ่งที่จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้ในระยะยาวและยั่งยืน

Mr. Max Chang ได้กล่าวต่อถึงมุมมองทางด้านแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ว่า บริษัทคาดการณ์ว่า ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนงานของบริษัทที่จะใช้ระยะเวลาในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2568 ที่จะดำเนินการบริหารจัดการภายในองค์กรด้านต่างๆ ให้เรียบร้อยและพร้อมที่จะเริ่มเดินหน้าธุรกิจอย่างเต็มตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยระยะเวลาจะสอดรับกัน ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ในตลาดได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยบวกทางอ้อมที่จะเป็นส่วนเข้ามาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งการเปลี่ยนประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทมองว่านโยบายต่างๆ จะสามารถเพิ่มโอกาสทางการค้า การเข้าร่วมแสดงสินค้าในต่างประเทศ ควบคู่กับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในสหรัฐอเมริกาอย่างสม่ำเสมอ และการสำรวจช่องทางทางธุรกิจใหม่ๆ จะช่วยสร้างโอกาสขยายธุรกิจมากขึ้นตามไปด้วย

“เรากำลังเตรียมการสำหรับการสร้างองค์กรในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ และในครึ่งปีหลัง เราจะเริ่มเพิ่มกำลังการผลิต ขยายธุรกิจ และหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมที่เราสามารถทำได้ รองรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายของปี และเราจะก้าวเข้าสู่ปี 2569 อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น มีทีมงานพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน ขณะเดียวกัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในทุกอุตสาหกรรมที่ได้ขยายจะสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นตามไปด้วย” Mr. Max Chang กล่าว

Mr. Max Chang กล่าวต่อถึงบทบาทสำคัญของโรงงานในประเทศไทยว่า โรงงาน NDC ในประเทศไทยจะเป็นส่วนที่จะช่วยให้บริษัทแม่มีสินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของลูกค้า และด้วยประเทศไทยเป็นแหล่งที่มีวัตถุดิบที่หลากหลาย เช่น ยางพารา ที่มีราคาต้นทุนไม่สูงเท่าในประเทศจีน บริษัทจึงสามารถช่วยควบคุมต้นทุนและผลิตสินค้าได้ในราคาที่ไม่สูง ซึ่งปัจจุบันการบริหารจัดการต้นทุนเป็นข้อได้เปรียบสำคัญต่อการแข่งขันในตลาดเวทีระดับโลกเป็นอย่างมาก

ประกอบกับ ในปัจจุบันมีหลายบริษัทจากประเทศต่างๆ ที่ย้ายฐานการผลิตและเริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ด้วยจุดแข็งในเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญการผลิตชิ้นงานของ NDC จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้ากับบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยตามไปด้วย และบริษัทยังคงมุ่งพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในการสรรหาเครื่องจักรหรือเทคโนโลยี การพัฒนาห้องปฏิบัติการ และการพัฒนาศักยภาพของวิศวกรและบุคลากรให้พร้อมรองรับกับเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

สำหรับสิ่งที่อยากกล่าวขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจ แม้ว่า NDC ในประเทศไทยเริ่มก่อตั้งได้ไม่นาน ซึ่งหากนับย้อนไปยังจุดเริ่มต้นที่มีเพียงที่ดินเปล่า แต่ปัจจุบันมีอาคารโรงงานที่สวยงาม มีเครื่องจักรที่ทันสมัย บริษัทจึงขอขอบคุณพันธมิตรทุกองค์กรที่ร่วมสร้างโรงงานใหม่แห่งนี้ และร่วมพัฒนาให้มีความพร้อมในการขยายและทำตลาดในประเทศไทยให้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่อไป

Mr. Max Chang กล่าวปิดท้ายว่า ในปัจจุบัน หลายธุรกิจบนโลกต่างต้องการสินค้าที่มีราคาถูก แต่ NDC ต้องการจะปฏิวัติวงการอุตสาหกรรม ให้เป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ผลิตสินค้าในราคาที่ไม่แพงแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้า ตั้งแต่กระบวนการผลิตด้วยเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย และพร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ให้กับลูกค้า อีกทั้ง บริษัทยังคงพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด

ประกอบกับ ด้วยวิสัยทัศน์การทำงานของตนเองที่ได้เล็งเห็นว่า การร่วมมือพัฒนาธุรกิจเป็นสิ่งที่จะทำให้ทุกฝ่ายเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น บริษัทมีความพร้อมที่จะร่วมกันพัฒนาธุรกิจกับบริษัทในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าใหม่ๆ ที่ดีกว่า เน้นการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากกว่าการแข่งขันด้านราคา และบริษัทมีความพร้อมในด้านการแบ่งปันองค์ความรู้ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้กับบริษัทที่สนใจทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาด และนี่คือความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของ NDC

“นอกจากนี้ ในการทำธุรกิจร่วมกัน จะต้องเชื่อใจกัน เราคิดว่าความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญ และยินดีต้อนรับผู้ประกอบการ หรือนักลงทุนที่ต้องการพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ วิธีการแก้ไขและพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวในประเทศไทยให้เติบโต เช่น การนำ AI เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตหรือปรับปรุงกระบวนการจัดการ เราพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหวังว่าจะพัฒนาไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต” Mr. Max Chang กล่าว