การันตีผลงาน “กลุ่มบริษัทปรีดา” ด้วยรางวัลคุณภาพในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์

กลุ่มบริษัทปรีดา คว้ารางวัลจากเวทีใหญ่ ตอกย้ำผลงานยอดเยี่ยมกลุ่มบริษัทปรีดา คว้า 2 รางวัลจากเวทีใหญ่ “รางวัล Property Guru Thailand Property Awards” และ Award Winner - Residential High Rise Architecture Thailand ในงาน International Property Award - Asia Pacific เวทีระดับโลกจากอังกฤษ พร้อมโชว์โปรเจกต์ใหม่ “โซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์” อาคารมิกซ์ยูสสุดหรูบนทำเล CBD

ด้วยประสบการณ์กว่า 60 ปี บนเวทีอสังหาริมทรัพย์ของ กลุ่มบริษัทปรีดา หรือ PREEDA Group ประกอบไปด้วย 1. ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปรีดาก่อสร้างดำเนินงานกิจการก่อสร้างโครงการต่างๆ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และงานที่ปรึกษาโครงการต่างๆ มามากว่า 45 ปี โดยเน้นถึงคุณภาพและผลงานที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ 2. บริษัท ปรีดา โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปรีดาก่อสร้าง โดยจัดตั้งเพื่อประกอบธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, ดำเนินกิจการรับเหมาก่อสร้าง และงานที่ปรึกษาโครงการต่างๆ 3. บริษัท ปรีดา เรียล เอสเตส จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปรีดาก่อสร้าง ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย และ 4. บริษัท กฤษณการย์ จำกัด ผู้ผลิตอิฐมอญเคเค 4 รู ก้อนใหญ่ ก่อเร็ว ประหยัด ผลิตได้มาตฐาน มอก. 153-2540 มีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาการผลิตอิฐมอญในประเทศ ให้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นอุตสาหกรรม

ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง PREEDA Group นำโดย คุณปาล์ม ปรีดานนท์ กรรมการบริหาร บริษัท ปรีดา เรียล เอสเตส จำกัด, คุณปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา โฮลดิ้ง จำกัด และคุณปิยะฉัตร ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา เรียล เอสเตส จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพ เปิดโอกาสให้สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับการรับรางวัล Property Guru Thailand Property Awards ครั้งที่ 18 ในสาขา Design Awards (Best Condo Architectural Design) จากโครงการกรีเน่ ไพร์ม ดอนเมือง – สรงประภา (Grene Prime Don Mueang-Songprapha) เมื่อปีที่ผ่านมา

ประกอบกับล่าสุดยังได้คว้ารางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบอาคารสูงสำหรับที่พักอาศัยของประเทศไทย Award Winner - Residential High Rise Architecture Thailand จากการส่ง โครงการโซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ (Solace Phahol Pradipat) เข้าประกวดในงาน International Property Award - Asia Pacific ซึ่งเป็นเวทีระดับโลกจากอังกฤษ โดยมี ลอร์ด ริชาร์ด เบสต์ (Lord Richard Best) ประธานคณะกรรมการตัดสิน พร้อมด้วย มิสออดรีย์ โหย่ว (Ms Audrey Yeo ) ลีดเดอร์ เอเชียแปซิฟิก ลิกซิล กรุ๊ป เป็นผู้มอบรางวัล

คุณปาล์ม ปรีดานนท์ กรรมการบริหาร บริษัท ปรีดา เรียล เอสเตส จำกัด เล่าว่า ตนเองดูแลและรับผิดชอบเกี่ยวการบริหารทางด้านงานนิติบุคคล ซึ่งความสำเร็จจากโครงการกรีเน่ ไพร์ม ดอนเมือง – สรงประภา (Grene Prime Don Mueang-Songprapha) ที่ทำให้ได้รับรางวัลดังกล่าวมาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการด้วยคุณภาพมาตรฐานอยู่เสมอ และด้วยขนาดโครงการที่มีทั้งหมด 8 อาคาร แบ่งพื้นที่การพัฒนาออกเป็น 3 เฟส เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2561, 2563 และ 2566 ตามลำดับ

ดังนั้น การจัดการดูแลด้านนิติบุคคล ภายใต้การเข้าบริหารงานของบริษัทในเครือ ทำให้มีการดูแลและพัฒนาโครงการให้มีคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง และการดูแลลูกบ้านให้มีความสุข ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทคาดว่าทำให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้ดังนั้น การจัดการดูแลด้านนิติบุคคล ภายใต้การเข้าบริหารงานของบริษัทในเครือ ทำให้มีการดูแลและพัฒนาโครงการให้มีคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง และการดูแลลูกบ้านให้มีความสุข ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทคาดว่าทำให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้

“เราตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการให้เป็นที่อยู่อาศัยที่ลูกบ้านได้เข้ามาสัมผัสได้มีความสุขและความประทับใจในโครงการของเรา โดยภายในโครงการเราได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ร้านสะดวกซื้อที่มีขนาดใหญ่ และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้ง การเข้าร่วมประกวดรางวัลยังเป็นเครื่องการันตีโครงการที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานสูง แม้ว่าเราจะไม่ใช่บริษัทใหญ่ แต่เราสามารถพัฒนาโครงการให้มีคุณภาพโดดเด่นเทียบเท่าโครงการของบริษัทขนาดใหญ่ได้

ประกอบกับ การได้รับรางวัลยังเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกบ้านได้ว่า ลูกบ้านได้โครงการที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ และได้รับการบริการหลังการขายที่ดี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของเราในการมุ่งมั่นสร้างความประทับใจให้กับลูกบ้านทั้งในด้านของการได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันและอนาคต เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยในระยะยาว” คุณปาล์มกล่าว

คุณปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา โฮลดิ้ง จำกัด พูดถึงแผนการดำเนินธุรกิจในระยะยาว ว่า ด้วยประสบการณ์และการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาที่ดินและโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมีจุดแข็งที่แตกต่างด้วยการออกแบบและพัฒนาด้วยตนเอง ดังนั้นในการลงทุนหรือพัฒนาโครงการในทำเลต่างๆ จะต้องมีการคิดวิเคราะห์และคำนึงถึงทำเลแต่ละที่มีศักยภาพแตกต่างกันอย่างไร กลุ่มลูกค้าในพื้นที่เป็นกลุ่มใด และพื้นที่ใดที่สมควรได้รับการพัฒนาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมอย่างแท้จริง

“โครงการโซลเลซของเรา ได้มีการวางแผนการลงทุนมายาวนาน แต่เกิดการชะลอในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเมื่อทุกคนเริ่มรู้จักสถานีกลางบางซื่อ (ชื่อในขณะนั้น) ที่เป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน และต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ อีกทั้ง การเปิดใช้งานของรัฐสภาแห่งใหม่ ยิ่งทำให้พื้นที่ในโซนประดิพัทธ์มีการเติบโตและเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นในการพัฒนาโครงการต่อไปจึงต้องดูความเหมาะสมและคุ้มค่ากับการลงทุน” คุณปิติพัฒน์กล่าว

ด้านแผนทางการตลาด ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้เปิดขาย (Pre-Sale) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน (กรกฎาคม 2567) มียอดขายแล้วกว่า 40% และคาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ และตั้งเป้าหมายที่จะสามารถปิดการขายโครงการได้ ภายในปี 2567-2568 ด้วยปัจจัยจากกระแสตอบที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อมั่นในรางวัลการันตีคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและครบครัน ตอบโทย์ต่อไลฟ์สไตล์คนเมือง

สำหรับการเจาะกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันคงจะเน้นการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวหนังโฆษณาชุด “Live Worldticle Life” เพื่อตอกย้ำ Concept “Live Worldticle – โลกความสุขแนวตั้งที่ครบที่สุด” โดยได้สะท้อนการใช้ชีวิตผ่านมุมมองของคนวัยทำงานที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ที่ไม่จำเจ ที่ โซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ (Solace Phahol Pradipat) สามารถรองรับกับทุกกิจกรรม

สำหรับรายละเอียดของรางวัลต่างๆ ที่ทางบริษัทได้รับ คุณปิยะฉัตร ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา เรียล เอสเตส จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่โครงการกรีเน่ ไพร์ม ดอนเมือง – สรงประภา (Grene Prime Don Mueang-Songprapha) ได้รับรางวัล Property Guru Thailand Property Awards แล้ว บริษัทยังได้ส่งโครงการโซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ (Solace Phahol Pradipat) เข้าประกวดในงาน International Property Award - Asia Pacific ซึ่งเป็นเวทีระดับโลกจากอังกฤษ และสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ในช่วงเดือนกันยายนปีนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะส่งโครงการโซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ (Solace Phahol Pradipat) เข้าร่วมประกวดในเวที Property Guru Thailand Property Awards 2024 และในปีหน้าคาดว่าจะเข้าร่วมประกวดในงาน International Property Award อีกครั้ง ในสาขาอื่นๆ เพิ่มเติม ด้วยภายในโครงการมีจุดเด่นหลากหลายด้านและบริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถคว้ารางวัลมาได้อย่างแน่นอน

“ด้วยความตั้งใจตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบโครงการ ออกแบบคอนเซ็ปต์ การคัดสรรวัสดุ และการควบคุมคุณภาพในการก่อสร้าง เพื่อที่จะมอบสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ตลอดจนการให้บริการหลังการขายที่สามารถดูแลโครงการและลูกบ้าน โดยไม่ต้องมีปัญหาเรื่องอาคารทรุดโทรมหรือปัญหาอื่นๆ เพื่อให้ได้รับความสะดวกสบาย ซึ่งจากนโยบายคุณภาพเหล่านี้ เราจึงมีความมั่นใจในทุกๆ รางวัลที่เราเข้าร่วมประกวด” คุณปิยะฉัตรกล่าว

สำหรับโครงการโซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ (Solace Phahol Pradipat) ซึ่งเป็นผลงานล่าสุดที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2569 เป็นอาคาร Mixed Use สูง 50 ชั้น ภายในประกอบไปด้วย ห้องพักอาศัย จำนวน 524 ยูนิต (แบบห้อง Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroom, Loft 1 Bedroom และ Loft 2 Bedroom), สำนักงาน จำนวน 29 ยูนิต และร้านค้า จำนวน 5 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ติดถนนประดิพัทธ์ เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

ส่วนภายในพื้นที่โครงการยังโดดเด่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ ชั้นที่ 1 มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และมีที่จอดรถในรูปแบบ Conventional Parking และ Auto Parking ซึ่ง Auto Parking ได้มีการออกแบบให้สามารถรองรับการจอดรถได้กว่า 120 คัน และยังได้มีการออกแบบทางเชื่อมระหว่างที่จอดรถกับตัวอาคารทำให้ลูกบ้านไม่ต้องเดินมาเข้าทางด้านหน้าล็อบบี้อาคาร อำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านในการเข้าออกได้อย่างสะดวกมากขึ้น

ประกอบกับยังได้มีการออกแบบพื้นที่ Smart Locker ที่ตั้งอยู่ภายนอกล็อบบี้อาคาร ซึ่งหากมีการจัดส่งอาหารหรือสิ่งของ ไรเดอร์จะนำมาวางในจุดดังกล่าวและลูกบ้านจึงออกมารับในล็อกเกอร์ของตนเอง โดยได้รับการออกแบบขึ้นภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นการเว้นระยะระหว่างพนักงานจัดส่งกับลูกบ้าน ลดการพบปะโดยตรง

ส่วนพื้นที่ชั้นที่ 10 เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ทุกการพักผ่อนที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็น Private Pool Bar ความยาว 7 เมตร, Panoramic Swimming Pool ความยาว 29 เมตร, The Oasis Fitness ห้องออกกำลังกาย ขนาด 200 ตารางเมตร ความสูงของเพดาน 6 เมตร, Private Onsen บ่อออนเซนแยกชายและหญิง, Private Spa & Beauty รองรับการใช้บริการแต่งหน้าหรือจัดคอร์สสอนแต่งหน้า สนามเด็กเล่นและสนามหญ้าที่ปูด้วยพื้นคอร์ตยาร์ด (Courtyard), และพื้นที่ Uban Farm สำหรับการปลูกพืชผักสวนครัว

ด้านชั้นที่ 11 ตอบโจทย์คนรักการออกกำลังกาย ทั้ง Sport & Game Lounge, ห้องพิลาทิสและโยคะ (Pilates & Yoga Room) พร้อมอุปกรณ์, Dance Studio รองรับการฝึกหรือจัดคอร์สเรียนเต้นรำ ในส่วนชั้นที่ 19 เป็นพื้นที่ที่รองรับการทำงาน จัดประชุม และงานเลี้ยง เช่น Meeting Room, Broadcast Room, Sky Private Kitchen, Party Deck และ Outdoor Dining เป็นต้น

ในส่วนของชั้นที่ 20 จะเป็นพื้นที่ของ Skywalk Way พื้นที่สวนหย่อม สำหรับการนั่งพักผ่อน, Floating Daybed และ Sky Garden Deck นอกจากนี้ ยังมีชั้น Rooftop ที่มี Observation Deck และ Star Deck ที่ตอบโจทย์การพักผ่อนของทุกคนในครอบครัวทุกช่วงวัย ตามคอนเซ็ปต์ “การอยู่กับเรา คือ จบที่นี่เลยทุกอย่าง เป็นโลกความสุขแนวตั้งที่ครบที่สุด Live Worldticle Life”

“Live Worldticle Life โลกความสุขแนวตั้งที่ครบที่สุด”

นอกจากนี้ โครงการโซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ (Solace Phahol Pradipat) ยังโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งที่สะดวกสบายง่ายต่อการเดินทาง โดยโครงการอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางย่านประดิพัทธ์ ศูนย์รวมของออฟฟิศและหน่วยงานราชการใหญ่ๆ เดินทางสะดวกสบาย ด้วยรถไฟฟ้าและรถส่วนตัว เพราะอยู่ใกล้ถนนเส้นหลัก ทั้งถนนพระราม 6 และสามารถเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน และทางด่วน 

รวมถึงใกล้กับรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ทั้ง BTS สะพานควาย, MRT บางซื่อ และ SRT กรุงเทพอภิวัฒน์ พร้อมบริการ Shuttle Services รับ-ส่งจากโครงการ ประกอบกับ แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รอบโครงการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Big C สะพานควาย, La Villa Ari, Central ลาดพร้าว, ตลาดนัดจตุจักร, โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย, โรงพยาบาลวิมุต, โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น

ผู้บริหารกล่าวปิดท้ายว่า บริษัทได้ทีมงานที่ดีมีคุณภาพ ไม่ว่าจะผู้ออกแบบ สถาปนิก วิศวกรงานก่อสร้างโครงการและงานระบบต่างๆ และซัพพลายเออร์ทุกท่านที่ช่วยเหลือและให้การสนับสนุนกับโครงการโซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ (Solace Phahol Pradipat) และโครงการอื่นๆ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ด้วยคุณภาพในต่างๆ ก่อให้เกิดผลงานที่สวยงามและ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์ที่สุดก็คือลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการนั่นเอง

“เราขอฝากผลงานโซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ (Solace Phahol Pradipat) ที่เป็นโครงการน้องใหม่ที่มาแรงที่สุดของเราและเป็นผลงานที่เราตั้งใจทำให้ดีที่สุด มีการปรับแก้แบบให้สอดคล้องและตอบสนองต่อความต้องการกับไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยให้มากที่สุด เรามั่นใจว่าลูกบ้านจะได้รับสินค้าที่ดีมากๆ ในราคาที่เข้าถึงได้ รวมถึงโครงการกรีเน่ คอนโด ดอนเมือง – สรงประภา และกรีเน่ ไพร์ม ที่ได้รับการออกแบบด้วยความใส่ใจและคัดสรรวัสดุคุณภาพด้วยเช่นกัน” ผู้บริหารกล่าว

สำหรับโครงการกรีเน่ ดอนเมือง-สรงประภา (Grene Condo Don Mueang – Song Prapha) เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 8 อาคาร ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Vacation condo ซึ่งแต่ละเฟสจะมี Concept ที่แตกต่างกันไป ตั้งอยู่พื้นที่ทั้งหมดรวม 17 ไร่ ติดถนนสรงประภา แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

โดยการก่อสร้างโครงการ แบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ เฟสที่ 1 มี 3 อาคาร จำนวน 575 ยูนิต ได้รับการออกแบบในสไตล์ Maldives, เฟสที่ 2 มี 3 อาคาร จำนวน 569 ยูนิต ได้รับการออกแบบสไตล์ Miami และเฟสที่ 3 The Santorini ที่ออกแบบโดยเน้นสีขาว-ฟ้า สวยงาม พร้อมส่วนกลางที่หลากหลาย จำนวน 2 อาคาร มีทั้งหมด 344 ยูนิต ปัจจุบัน ในส่วนของเฟสที่ 3 อยู่ระหว่างการเปิดการขายและได้รับกระแสตอบรับจากผู้ที่สนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ประกอบไปด้วย สวนหย่อมที่ชั้น 1 และสนามเด็กเล่น, สระว่ายน้ำ ขนาด 6 x 25 เมตร มีการแบ่งสระเด็ก ขนาดประมาณ 4 x 4 เมตร, ห้องออกกำลังกาย, Jogging Track รอบโครงการ, ห้องซาวน่า, Social Lounge, Beach Lounge Area, ห้องประชุม, Indoor Co-Working Space, Outdoor Co-Working Space, ศาลานั่งเล่น และลานบาร์บีคิว, ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  Key Card Access, ระบบ Smart Barrier Gate, กล้องวงจรปิด CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ภายในโครงการได้ติดตั้งสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จำนวน 4 หัวชาร์จ หัวชาร์จกระแสสลับ (AC) 2 หัวชาร์จ และหัวชาร์จกระแสตรง (DC) อีก 2 หัวชาร์จ ซึ่งเป็นหัวชาร์จแบบชาร์จเร็ว (Fast Charge) ใช้เวลาในการชาร์จเร็วสุด 20-30 นาที ขึ้นกับประเภทของรถยนต์ โดยทางปรีดา กรุ๊ปได้เล็งเห็นว่าการมีหัวชาร์จแบบ Fast Charge ไว้บริการควบคู่กับ AC จะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ครบถ้วนกว่า