“ดีคิวเอส เอ็มเอสเอส (ไทยแลนด์)” ชูแพลตฟอร์มระดับ Global ด้านการรับรองมาตรฐาน

บริษัท ดีคิวเอส เอ็มเอสเอส (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการให้บริการด้านประเมินการรับรองระบบมาตรฐานด้านอุตสาหกรรม พร้อมเปิดวิสัยทัศน์ผู้บริหาร โชว์นวัตกรรมการดำเนินธุรกิจระดับสากลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

คุณไพฑูรย์ อิสริยะพฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีคิวเอส เอ็มเอสเอส (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ DQSให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัท ว่า DQS ประเทศไทย เป็น 1 ใน 160 สาขาของ DQS ทั่วโลก โดยสาขาที่ประเทศไทยดำเนินการดูแลสาขาภายในไทยเป็นหลัก และมีบางส่วนอยู่ในกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาเป็น DQS นั้น เราเป็นบริษัท UL Thailand ซึ่งเป็นสาขาของ อันเดอร์ไรเตอร์ แลบอราทอรี่ (UL) ของสหรัฐอเมริกามาก่อน ทาง UL ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยสำหรับการให้การรับรองมาตรฐานต่างๆ ตั้งแต่ปี 1995 และได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหาร ซึ่งทาง UL ได้ทำการควบรวมส่วนงานของการรับรองระบบการจัดการต่างๆ เข้ากับ DQS ประเทศเยอรมันในปี 2008 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนชื่อจาก UL มาเป็น DQS ในปัจจุบัน

โดยธุรกิจหลักๆ บริษัท ดีคิวเอส เอ็มเอสเอส (ไทยแลนด์) จำกัด (DQS) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับรองระบบเรื่องของมาตรฐานต่างๆ อาทิ มาตรฐาน ISO 9001, มาตรฐาน ISO 14001, มาตรฐาน IATF 16949 รวมไปถึงมาตรฐานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้าน IT อาทิ มาตรฐาน TISAX เป็นต้น

ส่วนนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท คือ พยายามที่จะตอบโจทย์กลุ่มอุตสาหกรรม หรือเทรนด์ต่างๆ ของธุรกิจที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นมาใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันเรามุ่งที่ตัวมาตรฐาน TISAX และมาตรฐานตัวถัดไปจะเป็นเรื่องของ ESG มาตรฐานการรับรองของความยั่งยืน โดยมาตรฐานดังกล่าวอยู่ในช่วงของการดำเนินการในประเทศไทย แต่ในระดับ Global ได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในประเทศไทยเรามีความพร้อมที่จะให้การรับรองได้ทันที เนื่องจากเรามีทีมงานระดับ Global ที่คอย Support และสามารถลงมือปฏิบัติงานได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเข้ารับมาตรฐาน ESG นั้น คุณไพฑูรย์ บอกว่า ประการแรก ต้องศึกษาข้อกำหนดต่างๆ ของมาตรฐาน ESG รวมถึงเตรียมข้อมูลให้พร้อม และติดต่อมาทาง DQS นำไปสู่การหาผู้ประเมินเพื่อลงไปพิจารณา หรือดูขอบเขตของมาตรฐานดังกล่าว ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรฐาน ESG ถือเป็นมาตรฐานระดับโลก ย่อมเป็นผลดีในด้านการส่งออกสินค้าต่างๆ

ทั้งนี้ ‘ดีคิวเอส เอ็มเอสเอส (ไทยแลนด์)’ วางแผนการลงทุนด้านบุคลากรเป็นหลักๆ โดยเรามีการวางแผนที่จะเพิ่มกำลังตัวบุคลากรโดยเฉพาะกลุ่มผู้ให้การรับรอง หรือผู้ตรวจสอบซึ่งเป็นกำลังสำคัญ และเป็นกำลังหลักของบริษัท ทั้งในเรื่องการคัดสรรทีมงานเข้ามาเสริม และยกระดับมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ในปัจจุบัน

ด้านระบบการบริหารจัดการภายในของบริษัท โดยจะมีแพลตฟอร์มในรูปแบบ Global ใช้ในการบริหารภายใน ซึ่งเราเรียกว่าระบบ IT Global โดยมีระบบหลังบ้านที่ถือว่าทันสมัย ซึ่งในประเทศไทยเองไม่ต้องมีค่าธรรมเนียม หรือค่าบริหารจัดการแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นระบบบริหารจัดการที่เป็นแพลตฟอร์มเดียวกันที่ใช้ภายในบริษัทที่กระจายอยู่ทั่วโลก

นอกจากนี้ เรายังมองในเรื่องการขยายการรับรองมาตรฐานไปยัง Sector อื่นๆ ที่นอกเหนือจากกลุ่มยานยนต์, กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยทางบริษัทเริ่มมองไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทอาหารและกลุ่มอุตสาหกรรมยา โดยใน Global ของเรามีข้อมูลและมีมาตรฐานเหล่านี้อยู่แล้ว โดยในประเทศไทยเราเตรียมที่จะขยายไปยังกลุ่มออุตสาหกรรมประเภทนี้ในอนาคต

ด้วยจุดแข็งของบริษัทในเรื่องบุคลากร หรือผู้จดประเมิน ที่ให้ความใส่ใจในการคัดสรรบุคลากรที่จะเข้ามาร่วมงานกับบริษัท และเน้นบุคลากรที่มีความเข้าในในอุตสาหกรรมก่อนที่จะเข้ามาเป็นทีมผู้ตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราเป็นบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกทั้งในญี่ปุ่น หรือสหรัฐอเมริกา ถือเป็นจุดแข็งขององค์กรเรา นอกจากมีบุคลากรที่อยู่ในประเทศไทยแล้ว เรายังสามารถใช้บุคลากรของกลุ่มบริษัทในเครือของเราได้ในการดำเนินงานในกรณีที่ขาดแคลนหรือไม่เพียงพอ

บริษัท ดีคิวเอส เอ็มเอสเอส (ไทยแลนด์) จำกัด วางเป้าหมายการเติบโตของปี 2567 อยู่ที่ 20% ของยอดขาย ซึ่งตอนนี้ถือว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางเอาไว้ในปีนี้ ส่วนการเติบโตของธุรกิจ ถือว่าการแข่งขันค่อนข้างสูง เราอาจจะไม่เน้นในเรื่องการเติบโตในยอดขายมากนัก แต่จะเน้นในเรื่องของพันธมิตรทางธุรกิจ หรือลูกค้าของเราในการทำงานร่วมกันในระยะยาว หรือเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเราเน้นการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง โดยหัวใจสำของธุรกิจ คือ ความเชื่อถือจากลูกค้าที่มีต่อบริษัท ฉะนั้น เราต้องมีความเข้าใจอย่างแท้จริงในอุตสาหกรรมที่เราทำการตรวจสอบและให้การรับรอง

“ด้วยวิสัยทัศน์ในการบริหารธุรกิจ หลักๆ เรามองในเรื่องของการเป็น Partnership ไม่ว่าจะเป็นต่อลูกค้า หรือแม้กระทั่งพนักงานบริษัทของเราก็ตาม ซึ่งการที่จะเป็น Partnership นั้น เราต้องมีความซื่อสัตย์ในการที่ออกใบรับรองหรือให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ด้านพนักงานเอง เราต้องมีการดูแล และพัฒนาบุคลากรเราได้รับ Benefit ต่างๆ ที่เหมาะสม ซึ่งส่วนตัวพนักงานเราต้องมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทมากกว่าการเป็นแค่พนักงานเพียงอย่างเดียว ฉะนั้น ทั้ง 2 ส่วนนี้มีความสำคัญต่อบริษัท สุดท้ายนี้ถ้าหากลูกค้าที่มีความสนใจต้องการให้บริษัททำการประเมิน หรือรับรองมาตรฐานต่างๆ ทาง DQS ยินดีที่จะให้คำแนะนำ และคำปรึกษาในการขอรับรองต่างๆ ว่าต้องเตรียมตัว หรือทำอย่างไรในแต่ละมาตรฐาน” คุณไพฑูรย์ กล่าวปิดท้าย