top of page

เปิดแนวคิดธุรกิจ “ทวี ปิยะพัฒนา” หัวเรือใหญ่กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี.

  • รูปภาพนักเขียน: answernewsonline
    answernewsonline
  • 24 ก.ย.
  • ยาว 3 นาที
ree

กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. เปิดวิสัยทัศน์ผ่านมุมมองของคุณทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหาร พร้อมเผยแผนการลงทุนและการสร้างแบรนด์ครั้งใหญ่ ภายใต้แนวคิด Go Green Concept เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อยอดจากธุรกิจวัตถุดิบจากท้องทะเล สู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปอย่างยั่งยืน


 คุณทวีเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2527 และเริ่มดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังในปี 2529 รวมระยะเวลากว่า 39 ปี โดยเริ่มต้นจากการผลิตเนื้อปลาบดแช่แข็ง หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “ซูริมิ” (Surimi) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่คนญี่ปุ่นนิยมใช้ในการทำปูอัด


  ในช่วงเวลานั้น ประเทศไทยยังไม่มีการผลิตปูอัดภายในประเทศอย่างแพร่หลาย สินค้าประเภทนี้ต้องนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแม้จะมีคุณภาพสูง แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงได้ยาก อีกทั้งยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า “ปูอัด” ทำจากเนื้อปู ทั้งที่ในความเป็นจริง วัตถุดิบหลักคือเนื้อปลา เราจึงเริ่มศึกษากระบวนการผลิตจากญี่ปุ่น นำองค์ความรู้ (know-how) เหล่านั้นมาปรับใช้ร่วมกับวัตถุดิบคุณภาพของไทย พร้อมทั้งลงทุนในเรื่องเครื่องจักร และเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย จนสามารถผลิตปูอัดที่มีคุณภาพทัดเทียมกับประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม และเป็นการปูทางให้ตลาดอาหารสำเร็จรูปในประเทศเริ่มขยายตัวอย่างเป็นรูปธรรม 


เราเชื่อว่า การทำอาหารสำเร็จรูปไม่ใช่เพียงเรื่องของความสะดวก แต่คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคไทย ในช่วงเวลานั้น ยังมีไม่กี่บริษัทที่กล้าลงทุนและพัฒนาสินค้าเพื่อจำหน่ายในประเทศ เพราะหลายคนยังไม่เห็นศักยภาพของตลาดภายใน แต่เรามองว่า คนไทยควรได้บริโภคสินค้าที่ดี ในราคาที่เข้าถึงได้


ด้วยเหตุนี้ เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คนไทยสามารถภาคภูมิใจได้ว่า เป็นสินค้าที่มีคุณภาพไม่แพ้ของนำเข้า พร้อมทั้งวางระบบการผลิตให้ครบวงจร ด้วยการสร้างโรงงานผลิตปลาป่นควบคู่กันไป เพื่อใช้ประโยชน์จากเศษวัตถุดิบทุกส่วนของปลาอย่างคุ้มค่า ทำให้กระบวนการผลิตของเราครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สามารถแปรรูปปลาเพียงหนึ่งตัวให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภค ที่มีคุณภาพและปลอดภัย ส่งตรงถึงมือผู้บริโภค


นวัตกรรมที่สร้างความภูมิใจ

            คุณทวีเล่าถึงอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ PFP ว่า ตลอดระยะเวลากว่า 39 ปีที่ผ่านมา บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพด้านการผลิต ควบคู่กับการคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะทางขององค์กรได้อย่างชัดเจน คือ “เต้าหู้ปลา” ซึ่ง PFP ถือเป็นผู้ผลิตเต้าหู้ปลาจากเนื้อปลาบดได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก          


ree

เต้าหู้ปลา PFP มีจุดเด่นคือ เป็นผลิตภัณฑ์แช่แข็ง (Frozen) ที่ยังคงรสชาติและคุณภาพได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญที่พัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัยและพัฒนาของ PFP เอง แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อย่างปูอัด ซึ่งเริ่มต้นจากการศึกษารูปแบบการผลิตจากประเทศญี่ปุ่นแล้วนำมาปรับใช้ เต้าหู้ปลาจึงถือเป็นนวัตกรรมที่เกิดจากการคิดค้นโดยทีม R&D ของ PFP อย่างแท้จริง และเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจที่บริษัทสามารถพัฒนาสูตรเฉพาะของตนเองจนได้รับการยอมรับในตลาด 


“เราเชื่อว่านวัตกรรมที่ดี ไม่ใช่แค่การคิดค้นสิ่งใหม่ แต่ต้องพัฒนาให้ใช้งานได้จริง สร้างคุณค่า และตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในระยะยาว”


           อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ PFP คือการสามารถขยายตลาดจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สู่ตลาดระดับโลกได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความแข็งแกร่งของทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ree

“สิ่งที่ทำให้เราเดินทางมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่คือทีมงานที่มีคุณภาพ และความตั้งใจร่วมกันของคนในองค์กร ที่ขับเคลื่อน PFP สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับโลก”   


ผลิตภัณฑ์คุณภาพ และมาตรฐานระดับสากล

คุณทวีกล่าวถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ PFP ว่า ทุกวันนี้ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับความไว้วางใจจากร้านอาหารชื่อดังทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที ไม่ต้องปรุงก็อร่อย เหมาะทั้งกับกลุ่ม HORECA และผู้บริโภคทั่วไป โดยมีจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายในหลากหลายช่องทาง


ผลิตภัณฑ์ของเราทำจากเนื้อปลาคุณภาพดีที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน และมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้ปลา ปูอัด ลูกชิ้นปลา โดยเฉพาะ “ลูกชิ้นปลาสไตล์ภูเก็ต” ที่มีจุดเด่นคือลูกใหญ่ เนื้อนุ่ม หนึบ ตามแบบฉบับภูเก็ตแท้ ๆ รวมถึง “เต้าหู้ชีส” ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มร้านชาบู-สุกี้


“จุดแข็งของเราคือ ไม่ใช่แค่อร่อย แต่ต้องใช้งานสะดวก ได้มาตรฐาน และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม”



นอกจากรสชาติและคุณภาพแล้ว PFP ยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องความปลอดภัยและมาตรฐานระดับสากล โดยบริษัทได้รับการรับรองจากองค์กรชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ISO 22000, BRCGS Food Safety และ Thailand Trust Mark ซึ่งล้วนเป็นเครื่องยืนยันว่า อาหารของเรานั้นไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต


ที่สำคัญ เรายังมุ่งมั่นในการผลิตอาหารฮาลาลที่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด โดยได้รับการรับรองจาก HAL-Q, CICOT และ MUI จากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อให้ผู้บริโภคชาวมุสลิมทั้งในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ของเราสะอาด ปลอดภัย และเคารพในหลักความเชื่ออย่างแท้จริง   

ree

 “ความได้เปรียบด้านมาตรฐานฮาลาล ยังช่วยให้เราขยายตลาดสู่กลุ่มประเทศมุสลิม โดยเฉพาะในตะวันออกกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญของการเติบโตในตลาดต่างประเทศ ”


แตกไลน์ธุรกิจ ปั้นแบรนด์นวัตกรรมอาหาร “แปซิฟิค อินโนฟู้ด”

              ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา เราเห็นชัดว่าอาหารพร้อมรับประทานไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะในวันที่ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป ผู้คนต้องการทั้งความสะดวก รวดเร็ว และคุณค่าทางโภชนาการในเวลาเดียวกัน เราจึงจัดตั้งบริษัท แปซิฟิค อินโนฟู้ด จำกัด ขึ้น เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันธุรกิจสู่ด้านนวัตกรรมอาหารอย่างเต็มรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมีตั้งแต่ซุป ซอส ไปจนถึงอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น “เส้นไข่ขาว” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เราร่วมมือกับอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการพัฒนากระบวนการผลิต โดยมุ่งเน้นการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการโปรตีนคุณภาพสูง ทั้งกลุ่มที่ควบคุมอาหาร ผู้มีข้อจำกัดด้านโภชนาการ หรือผู้ป่วยที่ต้องการสารอาหารเฉพาะทาง โดยผลิตภัณฑ์นี้ช่วยลดความจำเจจากการบริโภคไข่ขาวแบบเดิม ๆ และสามารถนำไปต่อยอดเป็นเมนูสุขภาพได้หลากหลาย


พร้อมกันนี้ เรายังพัฒนาอาหารทานเล่นและขนมต่าง ๆ ควบคู่กัน เพื่อขยายพอร์ตสินค้าให้ครอบคลุมพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างแบรนด์ของตนเอง เรายังให้บริการแบบครบวงจร (OEM) ตั้งแต่พัฒนาสูตรจนถึงการผลิต ภายใต้มาตรฐานคุณภาพระดับสากล


 อีกหนึ่งก้าวสำคัญ คือการขยายสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านวัตถุดิบอาหารทะเลของเรามาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อตอบรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดนี้ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่หันมาเลี้ยงสัตว์แทนการสร้างครอบครัว ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง มีกำลังซื้อสูง และใส่ใจสุขภาพสัตว์เลี้ยงอย่างจริงจัง ปัจจุบัน อาหารสัตว์เลี้ยงของไทยถือเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพสูง และกำลังก้าวขึ้นมาเป็น “ตัวเอก” ที่น่าจับตามองในตลาดโลก


ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม: Green Industry & Net Zero

คุณทวี ปิยะพัฒนา กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของ PFP ว่า บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการเติบโตมาโดยตลอด เพราะเราเชื่อว่า “ความยั่งยืน” ต้องฝังอยู่ในทุกมิติขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้า กระบวนการผลิต หรือวิถีชีวิตของคนในองค์กร


ree

  PFP ถือเป็นหนึ่งในโรงงานกลุ่มแรก ๆ ที่นำนโยบาย Green Industry มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะก้าวสู่ Net Zero ภายใน 15 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยทั้งลดต้นทุนและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมกัน เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน


หนึ่งในจุดเริ่มต้นสำคัญคือ ระบบบำบัดน้ำเสียประสิทธิภาพสูง ที่สามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% มีการกักเก็บก๊าซมีเทนมาผลิตกระแสไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเราเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของบริษัท โดยร่วมมือกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ พร้อมนำหลัก 5Rs มาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อลดของเสียและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า


ree

 เรายังได้พัฒนาระบบพลังงานหมุนเวียน ด้วยการใช้พื้นที่กว่า 17 ไร่ และพื้นที่หลังคาของโรงงานทั้งหมดติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโรงงาน โดยเฉพาะในช่วงกลางวันแทบไม่ต้องพึ่งพาพลังงานจากภายนอก ขณะเดียวกัน ยังมีการบริหารจัดการของเสียอย่างรอบด้าน เช่น การนำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ด้านรูปลักษณ์ แม้ยังคงคุณภาพดีไปใช้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงแมลงโปรตีน BSF ซึ่งเป็นแนวทาง Zero Waste ที่ช่วยลดของเสียจากกระบวนการผลิต โดยในอนาคต เราตั้งเป้าหมายให้สามารถลดปริมาณของเสียได้มากถึงวันละ 1 ตัน  


ree

จากความพยายามทั้งหมด หากแปลงเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ก็เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 1.7 ล้านต้น เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์


ในมิติของ “คน” เราได้ปลูกฝังแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมในทุกระดับขององค์กร ไม่ใช่แค่ในแผนงานของผู้บริหาร แต่รวมถึงกิจวัตรประจำวันของพนักงานทุกคน เช่น การคัดแยกขยะภายในโรงงาน การลดการใช้พลาสติก และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนมีส่วนร่วม


 นอกจากนี้ เรายังใส่ใจตั้งแต่ต้นทาง ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง เช่น ปลาพอลล็อคที่ได้รับการรับรองจาก MSC (Marine Stewardship Council) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านการประมงอย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่าอาหารที่ดี ต้องเริ่มจากทะเลที่ดี


 “วันนี้ธุรกิจอาหารไม่ได้แข่งขันกันแค่รสชาติหรือความอร่อย แต่แข่งขันกันที่ ‘ระบบ’ และ ‘ความยั่งยืน’ PFP เชื่อว่าองค์กรที่สร้างระบบอย่างมีประสิทธิภาพ และเดินหน้าสู่ความยั่งยืนอย่างจริงจัง จะสามารถลดต้นทุนได้ในระยะยาว และเป็นผู้ที่อยู่รอดและเติบโตอย่างมั่นคง”


 คุณทวีทิ้งท้ายว่า “ในวันที่การแข่งขันรุนแรง ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ผมอยากฝากถึงทุกท่านว่า ธุรกิจอาหารสามารถเติบโตได้จริง และอยากให้ภาครัฐสนับสนุนเกษตรอุตสาหกรรมในทุกรูปแบบ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เพราะอาหารคือหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มนุษย์ต้องบริโภค รัฐบาลควรทุ่มเทในการจัดหาน้ำให้เพียงพอ ทั้งในภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม เพราะนั่นคือการดูแลผลผลิตของคนไทย และเป็นรากฐานของการอยู่อย่างยั่งยืน”

ree

สร้างแบรนด์ – ขยาย Shop PFP เข้าถึงผู้บริโภค

“ถ้าเราไม่เริ่มสร้างแบรนด์ตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าเราจะเดินต่อได้ยาก”  หนึ่งในแผนยุทธศาสตร์สำคัญที่กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. (PFP) กำลังผลักดันอย่างจริงจังในปัจจุบัน คือการสร้างแบรนด์ของตนเองให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยคุณทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า การสร้างแบรนด์ไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่คือ “ความจำเป็น” หากต้องการให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว


“ตอนนี้เราอยู่ระหว่างการวางโครงสร้างเพื่อสร้างแบรนด์อย่างเป็นระบบ โดยตั้งเป้าหมายให้เห็นผลชัดเจนภายใน 3 ปี” คุณทวีอธิบาย พร้อมเสริมว่า แนวทางการสร้างแบรนด์ของ PFP จะไม่หยุดอยู่ที่การพัฒนาสินค้าเท่านั้น แต่จะครอบคลุมถึงการปรับภาพลักษณ์และการสื่อสารแบรนด์ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ให้สามารถเล่าเรื่องแบรนด์ได้ในตัวเอง สะท้อนความเป็นมืออาชีพ เข้าถึงง่าย และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค


 คุณทวีกล่าวเสริม “แพ็คเกจใหม่ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องเล่าเรื่องได้ และทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า ของดีอยู่ข้างใน” คุณทวีกล่าวเสริม


 อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการสร้างแบรนด์ คือการผลักดันคาแรกเตอร์ มาสคอต “PP Boy” มาเป็นตัวแทนแบรนด์ (Mascot) เพื่อสร้างความจดจำและความผูกพันกับผู้บริโภคในทุกช่วงวัย โดย “PP Boy”  จะมีบทบาททั้งในแพคเกจ สื่อการตลาด และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่สดใส เป็นมิตร และมีความใกล้ชิดกับผู้บริโภค


ในด้านการผลิต แม้ PFP จะมีบุคลากรกว่า 2,000 คน แต่สินค้าของเรานั้นไม่ใช่ Mass Product และมีหลายกระบวนการที่ไม่สามารถใช้เครื่องจักรหรือหุ่นยนต์แทนแรงงานได้ เราจึงอาศัยความชำนาญของแรงงานฝีมือ ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพสูง เทียบเคียงหรือเหนือกว่ามาตรฐานต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว


ree

นอกจากการสร้างแบรนด์ผ่านผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการขยายจุดจำหน่ายของตนเองผ่าน “Shop PFP” โดยคุณทวีเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้ว่า



 “เมื่อ 35 ปีก่อน ผมต้องนั่งเครื่องจากสงขลามาอบรมด้านการตลาดกับอาจารย์สมชาย หรือ รศ.ดร. สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ทุก 3 เดือน เกี่ยวกับเรื่องการตลาดและการขาย และอาจารย์สมชาย เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าคุณคิดจะเติบโต จำเป็นต้องมี Outlet” บวกกับประสบการณ์ที่สะสมมาเป็นระยะเวลานานทำให้ต้องสร้าง Outlet หรือ Shop ที่เป็นของเราเอง


 ปัจจุบัน PFP มี Shop ทั้งหมด 14 สาขา มี Shop สาขาตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง เป็นสาขาหลักๆ และภายใน 2 ปีจากนี้ เรามีแผนจะขยาย Shop เพิ่มเติมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในเขตเมืองมากขึ้น รวมถึงเสริมประสิทธิภาพการจัดจำหน่ายระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังมีศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดพิษณุโลก เพื่อรองรับการกระจายสินค้าในภาคเหนือและพื้นที่ใกล้เคียง ช่วยลดระยะเวลาขนส่งและเพิ่มความยืดหยุ่นในการให้บริการลูกค้า


ree

 “เราสร้างทุกอย่างบนพื้นฐานของความจริงใจ ตั้งแต่โรงงานจนถึงมือผู้บริโภค และวันนี้ เราอยากให้แบรนด์ PFP เป็นมากกว่าผู้ผลิตอาหาร แต่เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะที่ไว้ใจได้เสมอ”


เดินหน้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

           คุณทวี ยังกล่าวอีกว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า ทางบริษัทมีโครงการที่จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยปัจจุบันเราทำการปรับปรุงโครงสร้าง เปลี่ยนแปลงระบบบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อรองรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


 “แผนการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอีกก้าวที่สอดคล้องกับการสร้างแบรนด์ที่เรากำลังดำเนินการอยู่ เพราะเมื่อองค์กรมีแบรนด์ที่แข็งแรงแล้ว การเติบโตในระดับที่ใหญ่ขึ้นก็ย่อมต้องอาศัยระบบที่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นเช่นกัน” คุณทวีอธิบาย


“วันนี้ เราเชื่อว่าองค์กรต้องเปิดกว้างมากขึ้น และต้องสร้างโครงสร้างที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมพัฒนาไปด้วยกัน ซึ่งการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นโอกาสในการยกระดับองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว”


เป้าหมายสู่แบรนด์ระดับโลก

           “ในปี 2569 PFP จะครบรอบ 40 ปีเต็ม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ตลอดจนผู้ถือหุ้นของบริษัท เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ PFP ก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ตัวแทนของประเทศไทย ที่สามารถขยายสู่ตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิใจ ที่สำคัญ ต้องขอขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจทุกท่าน รวมถึงซัพพลายเออร์ที่ร่วมเดินทางกับเรามาอย่างยาวนาน เพราะความร่วมมือเหล่านี้คือรากฐานสำคัญที่ทำให้ PFP เติบโตและเดินหน้าได้อย่างมั่นคงจนถึงวันนี้” คุณทวี  กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น



กลุ่มบริษัทในเครือของ พี.เอฟ.พี

อาณาจักร PFP เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2527 ได้ก่อตั้ง บริษัท แปซิฟิค แปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด ขึ้นที่จังหวัดสงขลา โดยเริ่มจากการผลิตปลาบด หรือ ซูริมิ จากนั้นได้ขยายธุรกิจสู่การผลิตอาหารทะเลแปรรูปหลากหลายประเภทแบบครบวงจร จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเมื่อธุรกิจได้เติบโตอย่างต่อเนื่องจึงก่อตั้ง บริษัท พี.เอฟ.พี เทรดดิ้ง จำกัด ในปี 2543 ในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการขยายตลาดภายในประเทศ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่


เมื่อธุรกิจขยายการเติบโตอย่างรวดเร็วจึงก่อได้ทำการตั้ง บริษัท ที.พี แปซิฟิค จำกัด ในปี 2547 ที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อดำเนินงานกระจายสินค้าทางภาคเหนือ และรองรับการขยายตัวของตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ต่อมาในปี 2564 ได้ก่อตั้ง บริษัท แปซิฟิคพาวเวอร์ แอนด์ โลจิสติกส์ จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ภายในโรงงานและมีแผนผลิตเพื่อจำหนายในอนาคต (Solar Roof, Solar Farm) และล่าสุดในปี 2566 ได้จัดตั้ง บริษัท แปซิฟิค อินโนฟู้ด จำกัด เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร เราให้บริการ OEM แบบครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาสูตร ไปจนถึงการผลิตด้วยมาตรฐานสากลและคุณภาพที่เชื่อถือได้ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบในการสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน



ree

ความคิดเห็น


Answer News

Call Us On

บริษัท เอ็มทีเอส คอนเนคชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด

Contact Us

  • Facebook
  • X
  • Youtube
  • TikTok

Follow us

Answer News Industrial ©2025 MTS Connections Groups Co.,Ltd สงวนลิขสิทธิ์

Answer News

Call Us On

บริษัท เอ็มทีเอส คอนเนคชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด

Contact Us

  • Facebook
  • X
  • Youtube
  • TikTok

Follow us

bottom of page