“คิว-ฟรี (ประเทศไทย)” โชว์ความสำเร็จร่วมกับ กทพ.

“คิว-ฟรี (ประเทศไทย)” ชูผลงาน Easy Pass ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ ยกระดับการให้บริการและเพิ่มความสะดวกสบายกับผู้ใช้งานทางด่วน พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันต่างๆ ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

Mr. Cedric Dubois ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คิว-ฟรี (ประเทศไทย) จำกัด (Q-Free Thailand) ผู้ให้บริการระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับโครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศของระบบทางด่วนกรุงเทพ ให้สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการทำงานของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. ว่า Q-Free Thailand รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุน กทพ. ในการพัฒนาโซลูชันการชำระเงินค่าผ่านทางแบบไร้เงินสด โดยเป็นการให้บริการเครื่องรับส่งข้อมูล หรือ OBU ระหว่างยานยนต์และเครื่องอ่านสัญญาณ ของระบบ “Easy Pass”

นอกจากนี้ Q-Free Thailand ยังมีส่วนสนับสนุนให้ กทพ. สามารถพัฒนาการให้บริการที่มีประสิทธิภาพยกระดับมาตรฐานการบำรุงรักษาระดับโลกของถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษกด้านใต้) และด่านเก็บเงินลุมพินี ของทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ใกล้กับทางขึ้นพระราม 4 (บ่อนไก่) ติดกับโครงการ One Bangkok กลุ่มอาคารมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บนถนนพระราม 4 ด้วย

สำหรับโครงการหรือการแผนการดำเนินงานร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยที่ทางบริษัทมีความพร้อมในการตอบสนองตามเป้าหมายของทาง กทพ. ในการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการทางพิเศษในระบบเรียกเก็บค่าผ่านทางใหม่ และปรับปรุงระบบการเรียกเก็บค่าผ่านทางเดิมให้มีความทันสมัยเพิ่มมากขึ้น และในอนาคต บริษัทมุ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันที่คุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นพันธมิตรที่ดีสร้างความเชื่อมั่นให้ กทพ. เลือกใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

“Q-Free มองเห็นโอกาสที่ดีในการร่วมมือกับ กทพ. เนื่องจากประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนระบบเก็บค่าผ่านทางแบบเดิม (Manual) เป็นระบบเก็บค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETC) แบบไร้เงินสด โดยมีหรือไม่มีไม้กั้น หรือแม้กระทั่งไม่มีสถานีเก็บค่าผ่านทางเลย (ในกรณีนี้เรียกว่าระบบเก็บค่าผ่านทางแบบ “Free-Flow”) เราจึงพร้อมที่จะพัฒนาสู่การให้บริการที่มีประสิทธิภาพและสร้างความประทับใจในเทคโนโลยีและโซลูชันอย่างคุ้มค่าที่สุด” Mr. Cedric Dubois กล่าว

นอกจากนี้ ด้วย Q-Free เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัททั่วโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยได้พัฒนาและนำระบบเก็บค่าผ่านทางแบบ ETC และแบบ Free-Flow มาใช้ตั้งแต่ปี 2534 (ในประเทศไทย บริษัทติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางแบบ ETC ระบบแรกที่ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านใต้ เมื่อปี 2552) อีกทั้ง ในปัจจุบัน ยังมีลูกค้าหลายรายได้เริ่มทดลองใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางแบบ Free-Flow แล้วเช่นกัน

Mr. Cedric Dubois กล่าวปิดท้ายว่า ด้วยระบบการจดจำป้ายทะเบียนอัตโนมัติและระบบการบันทึกข้อมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยให้สามารถระบุยานพาหนะได้อย่างอัจฉริยะ เป็นส่วนสำคัญในการระบุยานยนต์และการเรียกเก็บเงิน ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนและสร้างความคล่องตัวในการปฏิบัติงานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วย Q-Free “Intrada Operational Back Office” และก้าวสู่การใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน “Intrada Insight” ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้สูงขึ้นและสร้างเส้นทางแห่งอนาคตร่วมกัน