“ศิรินทรา จิตตราวงศ์” CEO บจก. ไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์พิเศษชู MicroWhite ฉนวนใยขาวสูตรใหม่ Non VOCs ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจ พัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องและรุกขยายช่องทางจำหน่ายในต่างประเทศมากขึ้น
คุณศิรินทรา จิตตราวงศ์ CEO บริษัท ไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฉนวนใยแก้วเจ้าแรกในอาเซียน ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Answer News Industrial Magazine ว่า บริษัทมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพและนวัตกรรมของฉนวนใยแก้วอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้นำผลการค้นคว้าและวิจัยพัฒนามาผลิตผลิตภัณฑ์ให้เทียบเท่ากับสากล โดยใช้แนวความคิดจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ เยอรมนี, ญี่ปุ่น ที่มีการกำหนดกฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการควบคุมสารฟอร์มาลดีไฮด์ในวัสดุก่อสร้างต่างๆ และเริ่มมีการใช้ฉนวนใยขาวเข้ามาทดแทนฉนวนกันความร้อนชนิดอื่นๆ กันมากขึ้น
บริษัทได้มีการเปิดตัว MicroWhite หรือฉนวนใยขาวสูตรใหม่ Non VOCs มีคุณสมบัติพิเศษปลอดสารระเหยไร้กลิ่น และปลอดสารก่อมะเร็ง ที่จะส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ผ่านการรับรองแล ตรวจวัดค่าการระเหยของสารฟอร์มาลดีไฮด์จากห้องปฏิบัติการวิจัยระดับโลก (Intertek) อย่างเป็นทางการ และเป็นรายแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาตัวสินค้า Micro DuctBoard ฉนวนใยแก้วแบบแผ่นที่สามารถนำมาพับให้เป็นท่อลมได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการทำตลาดและการเจาะกลุ่มลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้ง บริษัทได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ในการสร้างบ้านตัวอย่างทดลองที่มีการใช้พลังงานต่างๆ ตามการใช้งานจริง โดยเก็บข้อมูลระหว่างบ้านที่มีฉนวนและบ้านที่ไม่มีฉนวน เพื่อหาค่าการใช้พลังงานและสามารถลดการใช้พลังงานได้มากน้อยเพียงใด
ขณะเดียวกัน ครึ่งปีหลังเรามีการเจาะตลาด Oil & Gasมากยิ่งขึ้น เรามีการนำเข้าฉนวนกันความร้อนแคลเซียมซิลิเกต (Calcium Silicate) ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล โดยมีคุณสมบัติกันความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมหนัก ทั้งนี้ บริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าฉนวนประเภทต่างๆ พร้อมด้วยการให้บริการต่างๆ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
ด้านการลงทุนของบริษัทที่จะมีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบันจะเป็นส่วนของการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนขั้นตอนการผลิตจากระบบเดิมที่ใช้อยู่ให้เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น มีการใช้พลังงานทางเลือกจากการติดตั้ง Solar Roof ซึ่งช่วยเสริมให้กระบวนการต่างๆ มีความคล่องตัว และบริษัทมีความเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งได้เริ่มดำเนินงานจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint for Product; CFP) ตามแนวทางขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปี 2566
ส่วนการขยายช่องทางทางการตลาดที่มีตลาดในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายตลาดในประเทศอื่นๆ มากขึ้นอาทิ ประเทศฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเกาหลี เป็นต้น โดยจากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 5% จะเพิ่มให้เป็น 10% ในอีก 2 ปีข้างหน้าหากสามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจะเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านการจัดแสดงสินค้า (Exhibition) ตามที่แต่ละประเทศจัดขึ้น หรือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการเข้าไปจัดแสดงสินค้ายังต่างประเทศส่งเสริมการค้าการลงทุนให้กับผู้ประกอบการไทย
คุณศิรินทรากล่าวตอกย้ำถึงจุดเด่นจุดแข็งว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตฉนวนใยแก้วรายแรกของประเทศและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความโดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนและที่สำคัญผลิตภัณฑ์ได้รับการผลิตขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานได้รับการรับรองคุณภาพจากหน่วยงานทั้งในประเทศและระดับนานาชาติมากมาย
“เรามีการทำงานที่รวดเร็วและฉับไว สินค้าของเราสามารถคิดคำนวณให้พอดีกับพื้นที่หน้างาน ซึ่งช่วยให้ลดของเสียที่จะเกิดจากการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี ตลอดจนการให้บริการของทีมงานที่มีความพร้อมตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความประทับใจเสมอมา ทั้งนี้ เรายังได้รับการการันตีคุณภาพจาก EN13501-1 (European Standard), UL 723, 94 (Underwriters Laboratories), ASTM E84 (American Society for Testing and Materials) และ BS 476 part 5, 6, 7 (British Standard)” คุณศิรินทรากล่าว
คุณศิรินทรากล่าวปิดท้ายว่า ตนมีความมุ่งหวังที่อยากจะให้ผู้บริโภคมีความตระหนักและให้ความสำคัญในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น การสร้างบ้านเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว ดังนั้นฉนวนจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ และลดการใช้พลังงาน รวมถึงการป้องกันเสียงรบกวน จึงเป็นการลงทุนในระยะยาวที่มีความคุ้มค่ามากกว่าการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ
Comments