มร.มาซาฮิโระกล่าวต่อว่า ชิ้นส่วนต่างๆ ได้รับการพัฒนาแบบขึ้นจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะส่งแบบเพื่อผลิตขึ้นรูปในประเทศไทย ทั้งนี้ คุณภาพของสินค้าเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ตั้งแต่กระบวนการทดสอบขึ้นรูป กระบวนการผลิตด้วยเครื่องจักรที่มีความทันสมัยและมีความแม่นยำ จนถึงการทดสอบคุณภาพสินค้าก่อนส่งมอบให้กับลูกค้า บริษัทจึงมีความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพสินค้าผลิตภัณฑ์ของบริษัททุกชิ้น

​

          ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท คือ ลูกสูบ โดยเป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องยนต์ของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วน Knuckle ที่เป็นส่วนประกอบช่วงล่างของรถยนต์ ดังนั้น จึงต้องอาศัยความพิถีพิถัน  คุณสมบัติหรือลักษณะถูกต้องตรงตามที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ผลิตแบบไม่มีคุณภาพจะมีผลต่อเครื่องยนต์และส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานด้วย

​

          ด้านนโยบายการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญและมีการดำเนินการเสมอมา และล่าสุดบริษัทมีความพร้อมในการตอบสนองต่อนโยบายบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 (2050) และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Net Zero) ภายในปี 2608 (2065) ของทางภาครัฐ เพื่อการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดลงและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

​

          โดยปัจจุบัน บริษัทได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ (Road Map) เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนงาน ซึ่งสำเร็จตามแผนไปแล้วกว่า 30% และคาดว่าจะสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2593 (2050) ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวนอกจากจะสอดรับกับนโยบายของทางรัฐแล้ว ยังสอดคล้องกับนโยบายของลูกค้าและพันธมิตรทางการค้าด้วยเช่นกัน

​

          มร.มาซาฮิโระกล่าวต่อถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารองค์กรว่า ตนทำงานและบริหารงานโดยเน้นความซื่อสัตย์และความจริงใจเป็นสำคัญ ไม่ยึดติดในตำแหน่ง และมองว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท จำเป็นจะต้องทราบข้อมูลหรือองค์ความรู้ทุกอย่าง ดังนั้น หากสิ่งใดไม่ทราบ ตนจะไปสอบถามจากพนักงานที่ทราบข้อมูลหรือองค์ความรู้นั้นๆโดยตรง ซึ่งเมื่อทราบข้อมูลแล้วก็จะสามารถนำมาบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ และด้วยการพัฒนาอยู่เสมอจะทำให้องค์กรเกิดการเติบโตมากขึ้น

​

          ส่วนการบริหารและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรจะมีการวางแผนการดำเนินงานไว้ 2 รูปแบบ โดยจะต้องมีการจำแนกประเภทบุคลากร เช่น กลุ่มพนักงานใหม่ ที่ยังไม่ทราบกระบวนการหรือขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องมีวิธีการสอน อบรมหรือถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกิดความเข้าใจ และเสริมสร้างประสบการณ์การทำงานให้เหมาะสม ขณะเดียวกัน ในกลุ่มพนักงานที่มีประสบการณ์ จะต้องมีการมอบงานความรับผิดชอบที่จะต้องคิดวิเคราะห์ เพื่อเป็นการฝึกกระบวนการคิดและสามารถเติบโตให้หน้าที่ของตนเองได้อย่างมีคุณภาพ รวมทั้ง กลุ่มพนักงานที่จะต้องมีการดึงศักยภาพเฉพาะทางก็จะมีการดำเนินการตามวิธีการที่บริษัทได้กำหนดไว้

​

          ด้านแผนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน บริษัทได้มอบหมายให้แต่ละแผนกกำหนดแผนการพัฒนาบุคลากรภายในฝ่าย แบ่งออกเป็น 2 หมวด ได้แก่ 1. การกำหนดแผนบริหารจัดการบุคลากรภายในฝ่าย และ 2. การใช้ระบบ OJT (On The Job Training) ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติงานในลักษณะต่างๆ จะทำให้ทราบถึงความสามารถที่มีของบุคลากร และหากส่วนงานไหนขาดบุคลากรหรือไม่เพียงพอ บริษัทจะได้กำหนดแผนรองรับต่อไป

​

          มร.มาซาฮิโระกล่าวต่อถึงการขอบคุณซัพพลายเออร์ที่ให้การสนับสนุนการจัดทำข่าวในครั้งนี้ว่า ตนและบริษัทขอขอบคุณพันธมิตรทางการค้าทุกบริษัทที่มีส่วนร่วมในการผลักดันให้ HFA ให้สามารถดำเนินธุรกิจยืนหยัดมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี และในการจัดทำข่าวในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหลายพันธมิตรทางการค้าที่ร่วมสนับสนุนและนำเสนอผลงานผ่าน Answer News Industrial Magazine ร่วมกัน ต้องขอขอบคุณเช่นกันทั้งนี้ บริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตเราจะร่วมงานกันพัฒนาให้ธุรกิจเติบโตร่วมกันต่อไป

​

          สำหรับสิ่งที่อยากจะฝากถึงผู้อ่าน Answer News Industrial Magazine บริษัทต้องการที่จะนำเสนอผลงานและประชาสัมพันธ์ข้อมูล ไม่ใช่เพียงแค่พันธมิตรทางการค้าของบริษัทรับทราบเพียงเท่านั้น แต่อยากให้ผู้อ่านทุกท่านได้ทราบข้อมูลและผลงานของบริษัทด้วย แม้ว่าสินค้าที่ผลิตหลักจะเป็นลูกสูบและพาร์ทยานยนต์ แต่ HFA มีความสามารถเฉพาะทางในการหลอมและขึ้นรูปอลูมิเนียม หากมีความสนใจที่จะร่วมธุรกิจสามารถติดต่อประสานงานมาทางบริษัทได้เสมอ