top of page

เจาะลึก ข่าวจริง ยิงประเด็นข่าวสร้างสรรค์
ส่งตรงและเข้าถึงผู้ประกอบการทั่วประเทศ

เท็นมะ (ประเทศไทย) ชูนโยบายด้านความปลอดภัย ตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 สาขาต่างประเทศ

Office.jpg

เปิดวิสัยทัศน์ Mr. Kenichi Hoshi ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เท็นมะ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทย ยกระดับกลุ่มธุรกิจการค้าการแข่งขันในระดับสากล

          Mr. Kenichi Hoshi President Director บริษัท เท็นมะ (ประเทศไทย) จำกัด และตำแหน่ง Director General Manager Overseas Production Division ของ Tenma Corporation เปิดโอกาสให้กองบรรณาธิการ Answer News Industrial Magazine สัมภาษณ์ถึงวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ว่า เท็นมะ (ประเทศไทย) มีโรงงานอยู่ 2 สาขา ประกอบด้วย โรงงานที่ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยอง จังหวัดระยอง กับ โรงงานที่จังหวัดปราจีนบุรี ทั้ง 2 โรงงาน ดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายที่ว่า “Safety First” โดยเน้นความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

 

          โดยโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยอง หลักๆ จะดำเนินการผลิตสินค้า และมีชิ้นส่วนของอุปกรณ์สำนักงาน Office Automation (OA) ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งเป็นชิ้นส่วนของเครื่องปรับอากาศที่ผลิตให้กับแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงเกือบทั้งหมด  โดยจะมียอดขายอยู่ที่ 30% และ 50% ตามลำดับ และส่วนที่เหลือจะเป็นสินค้าประเภทชิ้นส่วนยานยนต์  ส่วนโรงงานของเท็นมะที่จังหวัดปราจีนบุรี  จะผลิตชิ้นส่วนของอุปกรณ์สำนักงาน OfficeAutomation (OA) 100% และเป็นโรงงานที่เราดำเนินการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ถือเป็นโรงงานที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของกลุ่มลูกค้าด้านการผลิตสินค้าเป็นสำคัญ

ผนังคอนกรีต

          ทั้งนี้ โรงงานของ เท็นมะ (ประเทศไทย) นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยอง ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งกับเท็นมะ กรุ๊ป เมื่อปี 2011 ภายใต้การบริหารจัดการภายในเครือ เท็นมะ กรุ๊ป ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว  ด้วยข้อกำหนดและกฎเกณฑ์การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น คือต้องมีปริมาณ (PBR) มากกว่า 1% ขึ้นไป และในส่วน Return on Equity (ROE) ต้องมี 8% ขึ้นไป ซึ่งเป็นหลักการของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น

          สำหรับ ‘เท็นมะ กรุ๊ป’ มีสาขาในต่างประเทศที่เป็นสาขาหลักๆ อยู่ 3 สาขา ประกอบด้วย เท็นมะ (ประเทศจีน) มีจำนวน 1 โรงงาน, เท็นมะ (ประเทศเวียดนาม) มีจำนวน 2 โรงงาน และเท็นมะ (ประเทศไทย) มีจำนวน 2 โรงงาน โดยในแต่ละสาขาจะมียอดขายเกิน 4,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งถือว่าประเทศไทยเป็นสาขาที่สำคัญ เพราะมียอดขายเกิน 5,000 ล้านบาท/ปี ด้วยการวางแผนการลงทุนในระยะกลาง (Medium Term Plan) ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่การดำเนินแผนงาน ครั้งที่ 4 ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2567 ณ ปัจจุบันทางฝ่ายบริหารกำลังดำเนินการประชุมถึงแผนการดำเนินงาน ครั้งที่ 4 ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างการพิจารณา และปรึกษาหารือกันกับทีมผู้บริหารที่ประเทศญี่ปุ่นถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจ อีกครั้ง

TENMA (THAILAND)

          ส่วนแผนดำเนินงานครั้งที่ 3 ที่ผ่านมา  Mr. Hoshi บอกว่าบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ถือเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก และเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ก็พบกับปัญหาภาวะสงครามของประเทศยูเครน บวกกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อในตลาดโลกส่งผลกระทบต่อการค้าขาย เพราะสถานการณ์ทั่วโลกที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่วางเป้าหมายเอาไว้ไม่เป็นไปตามแผนงาน ซึ่งในแผน ครั้งที่ 4 ที่เริ่มขึ้นในเดือนเมษายนในปี 2567 บริษัทฯ พยายามปรับกลยุทธ์เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อทำให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือกลับมาฟื้นตัว

 

          โดยแผนการลงทุน Medium Term Plan ของประเทศไทย บริษัทฯ วางเป้าหมายในเรื่องของยอดขายอีก 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นอีก 250 ล้านบาท แต่การที่จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมานั้น ย่อมต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นตามมาด้วย โดยโรงงานของ เท็นมะ (ประเทศไทย) ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง มีแผนที่จะขยายพื้นที่คลังสินค้าเพื่อจัดเก็บสินค้าให้ได้มากขึ้น โดยจะมีปรับพื้นที่ไลน์ประกอบ (Assembly) และจะนำระบบ Auto Rack เฟสที่ 2  เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มพื้นที่และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้สูงมากขึ้น และหลังจากการย้าย กลุ่ม Assembly เรียบร้อยแล้ว และในแผนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้ 250 ล้านบาท บริษัทจะดำเนินการเพิ่มเครื่องจักร (Injection Machine) มาเสริมทัพเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2568 เพื่อที่จะสามารถเพิ่มยอดขายให้เป็นตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้

          อีกทั้ง การนำระบบ Automation เข้ามาช่วยดำเนินการในส่วนของ Digital Transformation (DX) ที่จะนำมาใช้กับโรงงานทั้ง 2 แห่งในประเทศไทย ส่วนสาเหตุที่มีการเพิ่มเครื่องจักรในครั้งนี้ ด้วยนโยบายด้านการลดต้นทุนการผลิต ตลอดจนลดในเรื่องของแรงงานด้วยปัจจัยในด้านค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น เทียบเท่าอัตราค่าจ้างในประเทศญี่ปุ่น เราจึงมีการวางแผนเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และในอีก 5 ปีข้างหน้า ทางบริษัทฯ จะนำเรื่อง Business Continuity Planning หรือ ‘BCP’ เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ รวมถึงยอด Order จากประเทศจีนที่จะนำมาผลิตที่ประเทศไทย และประเทศเวียดนาม

          ตลอดจนเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ บริษัท เท็นมะ (ประเทศไทย) จำกัด นำมาใช้เพื่อสร้างความแตกต่างของการดำเนินธุรกิจ โดยจะนำระบบ Automation ที่คิดค้นจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงระบบที่อำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือในการทำงานจากบุคลากร ทั้งในเรื่องของการนำ Robot และระบบ Jig เข้ามาช่วยดำเนินการ โดยในกลุ่มงานที่สามารถใช้ระบบ Automation ได้ก็จะดำเนินการปรับปรุง แต่หากส่วนที่ยังคงต้องพึ่งแรงงานคนก็ยังคงดำเนินการตามเดิม รวมถึงระบบ KATSU JIN  เป็นการดำเนินงานในรูปแบบของการสะสมสามารถผลิตได้หลากหลายโมเดล และ Lot ต้องมีปริมาณที่น้อยโดยเราจะสะสมไปเรื่อยๆ เพื่อช่วยในเรื่องของการลดต้นทุน และค่าแรงงาน